Wednesday, September 19, 2007

นิทรรศการ Paper Ranger กระดาษจอมป่วน

อีกครั้ง…สำหรับยอดมนุษย์กระดาษ มาคราวนี้ไม่ได้มาเพียงลำพัง
ยังพาเพื่อนมาป่วนยกแก๊งค์ ร่วมกับ Mormor Creative Forum

มาบอกเคล็ดลับช่วยโลกอย่างง่ายๆ


ดูรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับ Paper Ranger ได้ที่นี้
ที่ Industrial Design Gallery จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรงป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา

นิทรรศการนี้ สนับสนุนโดยธุรกิจจิตใจดี คือ
Practika and Q-Ads. ข้าน้อยขอคารวะน้ำใจท่านสปอนเซอร์!!!!

Sunday, June 17, 2007

อนาถ อนาคต มหาวิทยาลัยไทย

บังเอิญเข้าไปในเว็บบอร์ดที่ผมเข้าไปอ่านเป็นประจำ มีน้องคนนึงเขาโพสต์ถาม จบปริญญาตรี แล้วอยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ห่วงเรื่องเงินเดือน+รายได้ ผมเลยตอบเขาไป ดังต่อไปนี้

1. มหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของเมืองไทยไม่รับอาจารย์ใหม่ที่จบปริญญาตรีหรือโทแล้วครับ รับแต่ปริญญาเอก ยกเว้นจะสิ้นไร้ไม้ตอกหาไม่ไ้ด้จริงๆ (ซึ่งก็บ่อยครับ เพราะถึงจะกำหนดไว้อย่างนั้น รัฐบาลก็ไม่ค่อยมีทุนส่งไปเรียนต่อปริญญาเอก ใครมันจะบ้าไปเรียนเองล่ะครับ ยกเว้นเป็นเศรษฐี+บ้า ในตัวเดียวกัน)จึงต้องลองหาข้อมูลจากมหาวิทยาลัยที่คุณสนใจจะทำงานด้วยให้แน่นอนก่อนครับ

2. อาจารย์ใหม่แทบทั้งหมด ตอนนี้ไม่ได้เป็นข้าราชการแล้วครับเขาเรียกพนักงานมหาวิทยาลัย (หรือชื่ออะไรคล้ายๆนี้ ตามแต่ละมหาวิทยาลัย) ซึ่งมีระบบการจ้างต่างจากข้าราชการโดยปกติจะได้เงินเดือนโดยคิดจากเงินเดือนของข้าราชการในระดับที่เท่ากัน แล้วคูณด้วย 1.7 นั่นเป็นเหตุว่าทำไมเงินเดือนเริ่มแรกของอาจารย์ระดับปริญญาเอก จึงได้ไม่ถึง 20000 บาทครับ (เรียนแทบตาย เหอเหอเหอ)


3. ภายใต้ระบบใหม่นี้ ไอ้ตัวคูณ 1.7 คิดสะระตะจากสิทธิประโยชน์ต่างๆที่เคยได้รับจากระบบเดิม โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลของบุตร-ภรรยา-สามี-พ่อแม่-และตัวเองพนักงานมหาวิทยาลัยทุกคน ซึ่งโดนยกเลิกหมดพร้อมบำเหน็จบำนาญ แล้วโดนบังคับให้จ่ายเงินประกันสังคมทุกเดือน เวลาไปโรงพยาบาลเขาก็แยกไปไว้คลีนิคต่างหาก ป่วยหนักขนาดไหนก็ได้ยา พารา+อะมอกซิซิลลิน (ประหยัดสุดๆ ประหยัดกว่าพวกบัตรทองอีกครับ และพนักงานมหาวิทยาลัย ไม่มีสิทธิทำบัตรทองของพี่ทักกี้นะคร้าบบบบบบ) ตอนนี้ผมเจียดเงินเดือนตัวเองซื้อประกันสุขภาพแล้วครับ ไม่ไหวจริงๆ ว่างๆจะเดินเข้าไปทะเลาะกับฝ่ายการคลังของมหาวิทยาลัย ขอเลิกจ่ายเงินประกันเส็งเคร็งให้รัฐบาลซะที ไม่เคยให้อะไรกรูเลยครับ มีแต่ดูดกรูไป


4.ไม่มีเงินประจำตำแหน่ง ผศ. รศ. หรือ ศ. แล้วครับแต่เืมื่อได้ตำแหน่งทางวิชาการพวกนี้ จะได้ปรับเงินเดือนกระโดดข้ามไปค่อนข้างมาก


5.แต่ไอ้ที่ว่ามาก ก็ไม่มากมายอะไร น้อยจนเกินจริงครับส่วนที่รีบนๆบอกว่าบางคนรับเป็นแสน ทำ consult อย่างนั้นเขาเรียกรับจ๊อบ ค้าฝิ่น ขายยาแสบแ_ด ครับ


6.ทราบไหมครับว่า เงินเดือนศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของไทย น้อยกว่าเงินเดือน ผู้พิพากษา นายพล อัยการ ตำรวจ และข้าราชการอีกหลายสาย ไม่นับไอ้พวกลูกศิษย์ที่จบไปแผล็บเดียว เงินเดือนก้าวพรวดๆๆๆๆๆ เลยครับ


7.คนที่ยังทนทำอยู่ รวมทั้งผมด้วย ส่วนใหญ่อยู่ด้วยใจครับ ไอ้ที่ตั้งหน้าตั้งตากอบโกย เกาะตำแหน่งเพื่อหาผลประโยชน์โดยไม่ได้มีจิตใจเป็นครู ไม่สนใจประโยฃน์ของประเทศชาติ ก็มีอยู่เป็นธรรมดาครับ ที่ไหนก็มี


แต่ผมก็ไม่บังอาจไปว่าคนที่เขารับจ๊อบหรอกครับ
โดยหลักการแล้ว อาจารย์มหาวิทยาลัย ทำหน้าที่ผลิตมันสมองให้ประเทศ
แล้วแมร่งยังดูแลกัน เอี้ยยยยยยยยยยขนาดนี้ จะให้เขาทำยังไงล่ะครับ

8.พอเศรษฐกิจเฟื่องฟูขึ้นมา รับรองว่ามหาวิทยาลัยของรัฐเกิดสมองไหลระดับเกือบสิ้นซากแน่ๆ โดยเฉพาะสายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิศวกรรม และอะไรที่เขาชอบใช้คอนซัลท์ และหาเงินง่ายๆน่ะครับ) เคยเกิดมาแล้วด้วยครับเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนนี้

9.ทั้งหมดนี้เป็นความเ้ลวของนักการเมืองไทยทั้งระบบครับลองดูสิครับว่าการปฏิรูปการศึกษามันล้มมากี่ครั้งแล้วครับ กี่ครั้งๆนักการเมืองก็โทษข้าราชการ และคนในระบบ (แน่นอนในระบบมันก็มีคนไม่ดี ไร้ประสิทธิภาพ แต่คนเหล่านั้น ไม่ได้มีอำนาจอะไรมากมายนี่ครับ ตราบใดที่การกำหนดนโยบายและทิศทางของการบริหารการศึกษามันตั้งใจจะให้มีประสิทธิภาพจริงๆ มันต้องได้ดีกว่าสภาพ เอี้ยๆ อย่างทุกวันนี้)

10.ทฤษฎีสมคบคิดที่ผมเชื่อโดยหาหลักฐานไม่ได้เพราะไม่มีมือมีตีนไปหา มีอยู่ว่า ไอ้พวกนักการเมืองแมร่งไม่อยากให้ปฏิรูปการศึกษา สำเร็จหรอกครับ ไม่ว่าระดับไหน ประถม มัธยม อุดม
เหตุผลง่ายๆครับ
มันจะได้หลอกคนไทยไปวันๆ ไปได้อีกนานแสนนาน
ดูอย่างวิดีโอที่สนามหลวงสิครับ เหอเหอ

Saturday, June 02, 2007

DesignEd update1

หนึ่งในบรรดามหาจุลโปรเจคท์(แปลว่าโปรเจ็คท์กะจี้รี่มั่กมัก) ที่ผมแส่เข้าไปเริ่มหรือช่วยให้เขาเริ่มขึ้นมา คือ DesignEd workshop (อ่านว่า ดีซายเอ็ด ครับ) ซึ่งผมรับลูกมาจากพีท คมพิชญ์ เด็กไทยซึ่งกำลังจะจบป.โทจากหลักสูตร Master of European Designพีท ร่วมกับสหายจากหลายชาติ มีอิตาเลียน เยอรมัน บลาๆๆ ทำเวิร์คชอปทางการออกแบบร่วมกับนักเรียนระดับปริญญาตรี ในโรงเรียนออกแบบที่อยู่ในเครือข่ายของ Master of European Design มาหลายหนแล้ว หนนี้เกิดมันเขี้ยว อยากมาจัดในเมืองไทย เคราะห์หามยามร้าย พีทเจอมือดีอย่างอาจารย์สันติ ส่งต่อให้มาคุยกับผม ก็เลยเป็นเรื่องเป็นราว ปวดกบาลกันยังไม่สิ้นไม่สุด

Anyway ตอนนี้เราทำงานกันมาจนเกือบได้ฤกษ์รับสมัครนิสิตจุฬาให้เข้ามาร่วมโครงการนี้แล้ว ซึ่งเราจำกัดกันไว้แค่ 25 คนเท่านั้น ใครตามอ่านบล็อกนี้ ก็คอยฟังข่าวจาก
http://www.blogger.com/www.idchula.blogspot.com นะครับ หรือไม่ก็คลิกตรงนี้ หรือไม่ก็ตรง ไอ้รูปสีชมพูคู่ใจฟ้าเอย ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับโรงเรียนสวนกุหลายเล้ย แต่มันจะพาคุณดิ่งไปที่เว็บ DesignEd อย่ามัวแต่อ่านข่าวตาป้องโดนต้นจามจุรีโค่นทับ หรือ gossip เรื่องคุณสมโชคเป็นคนเดียวกับคุณสำเนา

เรื่องที่น่าดีใจก็คือ ตอนนี้ผมไปเจ๊าะแจ๊ะหาสปอนเซอร์สำหรับการทำนิทรรศการมาได้รวมแล้ว 5 ราย มหัศจรรย์มั่กมัก ด้วยบุญฤทธิ์+อิทธิฤทธิ์ ของอาจารย์ทิพย์สุดาคร้าบ
_/\_ _/\_
เราก็เลยพร้อมแล้วที่จะตีปี๊บกันให้ไอดีมีเสียงดังขึ้นมาอีกนิด สำหรับใครที่ไ้่ม่ได้เข้ามาร่วม workshop ก้ออย่างอนตุ๊บป่องไปล่ะ ยังไงซะก้อเข้ามาแจมๆ ช่วยๆกันหน่อยเด้่อ ผมทำงานนี้จนจะรากเลือดอยู่แล้ว ถ้าตอนลงมือไม่มีนิสิตมาช่วย กรุซวยแน่่ ขอร้องล่ะครับท่านนนน

Coming Closer: Thai-German art connection

หลายเดือนมานี้ ชีวิตผมวุ่นวายสายตัวแทบขาด จะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะทำตัวเป็นจอมโปรเจ็คท์เอง สมน้ำหน้า ผมเลยเลิกเขียนที่นี่ไปพักใหญ่ พอนึกออกได้ช่วงที่คนข้างตัวบินหนีไปเป็น art critic in residence ที่ red gate gallery กลางเมืองปักกิ่งหนึ่งเดือน ผมเลยไม่มีใครคอยกวนตั้งคำถามintellectual ก็เลยนึกถึงบล็อกนี้ขึ้นมาครับ คราวนี้มารายงาน

นิทรรศการศิลปะไทย-เยอรมัน "COMING CLOSER"
พวกเราหลายคนไปรวมตัวกันในวันเปิด ที่คนมากันล้นหลาม เพราะศิลปินฝ่ายไทยที่ร่วมแสดงมในงานนี้ ล้วนเข้าขั้น Celeb ทั้งนั้น ในบรรดางานทั้งหลาย มีชิ้นหนึ่งที่ได้ใจมั่กมัก คืองานของเพื่อนกันเอง อาจารย์ติ้ว วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ (เขียนนามสกุลผิดอีกหรือเปล่าหว่า??) .................จานติ้วแกทำประติมากรรมเซรามิกออกมาได้อลังการกวนโอ๊ยสุดขีด ราวกับยกร้ายเบเกอรี่หวานแสบไส้เอามาไว้กลางหอศิลป์แห่งชาติปานนั้น ที่ชอบไม่ใช่เพราะอารมณ์ขันประชดประชันสุดริด แต่ผมคิดว่างานนี้ หลังจากเล่นแร่แปรธาตุมาพักใหญ่ เอิ่มมมม.... จานติ้วตกผลึกความคิด เป็นน้ำตาลไอซิ่งครับ
COMING CLOSER site

ข้อมูลนิทรรศการ คลิกดูได้ตรงนี้
Asia Art Archive
DaimlerChrysler News Archive

Thursday, May 03, 2007

The Fascination of Appearances

ผมเพิ่งรอดชีวิตมาจากการแปลบทวิจารณ์งาน Tam: the Boxer ที่ Brian Curtin เขียนให้ Hanspeter Ammann
ให้ตายเถอะครับ ยังไม่เคยแปลงานไหนยากขนาดนี้มาก่อน คือผมว่างานเขียนที่ยากกว่าของไบรอันก็มีอยู่เต็มไปหมด แต่ผมไม่สะแหลนไปแปลของเขา แต่งานนี้โดนฮานส์ปีเตอร์มันบังคับน่ะ เล่นเอาปวดมวนท้องไปเป็นเดือน แปลเสร็จแล้ว ยังมานั่งอ่านทวน...เอาอีกแล้ว นี่กรุแปลผิดนี่หว่า

ที่มันยาก ก็เพราะคำที่ใช้มันมีรากมาจากทฤษฎีวิพากษ์ซึ่งมันซับซ้อนซ่อนเงื่อน ตอนแรกผมก็แปลมันตรงๆทื่อๆก่อน เพราะสิ้นคิด ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เสร็จแล้วจึงมาค่อยอ่านทวน ยื่นให้คนนู้นคนนี้อ่าน ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็ไม่บอกกันว่าอ่านไม่รู้เรื่อง แต่ดูสีหน้าแล้วมันคงอยากบอกว่า มรึงแปลอารายของมรึงฟระ? เอาแค่คำว่า objectify ก็สลบเหมือดแล้วครับ เพราะมันมีความหมายอธิบายได้เป็นหน้าๆเป็นเล่มๆ

ถ้าสนใจลองอ่านเทียบ original English text ของไบรอัน เทียบกับบทแปลเป็นภาษาไทยของผมดูสิ แล้วจะรู้ซึ้งถึงความปวดมวนท้องสมองกิ่วของคนแปลอย่างผม

Sunday, February 04, 2007

Ripples

ผมเพิ่งเสร็จงานเขียน text สำหรับ TAM's Book ซึ่งเป็น art book เล่มใหม่ของ Hanspeter Ammann
ตอนแรกกะจะเขีบนเป็น short essay แต่ไปไงมาไงก็ไม่รู้ ออกมาเป็นคล้ายๆไฮกุ
หนังสือนี้รวบรวมภาพนิ่งที่เกิดจากวิดีโออาร์ตชุดใหม่เกี่ยวกับนักมวยไทยชื่อ ตั้ม (TAM) ของฮานส์ปีเตอร์-นักจิตวิเคราะห์ที่เป็นหนึ่งในผู้เริ่มขบวนการวิดีโออาร์ตในยุโรปเมื่อทศวรรษที่ 1980 และยังทำงานต่อเนื่องทั้งสองอย่าง กับทั้งสอนศิลปะไปทั่วยุโรป และเอเชีย โดยเฉพาะฮ่องกง มาเก๊า จีน และไทย ฮานส์ปีเตอร์เขาชอบ text ที่ผมเขียนให้มาก หลังจากถกกันเกี่ยวกับท่อนสุดท้ายอยู่นาน จนผมบอกว่า 'To sum up what I've written, you see yourself in the boxer!'
เล่นเอา อีตาฮานส์ปีเตอร์ เกือบน้ำตาเล็ด เอ๊ะ หรือผมคิดเงินแกค่าบริการจิตวิเคราะห์ดีหว่า???????????

Ripples
10 hours from Bangkok, a banner by a remote beach reads,
'New fashion from Bangkok'.
In the heart of Bangkok Metropolis, a giant billboard boasts,
'New fashion from Paris'.

They say in France,
Apichatpong is more revered than Madonna
since Tropical Malady
won the Prix du Jury at Cannes.

Though been so far,
I feel even closer to home.
Having seen beauty in others,
I see my own.

หนังสือนี้ออกแบบโดย ตู่ อธิโชค พิมพ์วิริยะกุล แห่งสำนักพิมพ์ช่องเปิดของเขาเอง และจะวางจำหน่ายทั้งในเมืองไทย จีน ฮ่องกง และในยุโรป
สนใจข้อมูลเพิ่มเติม ไปที่ http://voidpub.blog.com/International+Book/
สนใจข้อมูลเกี่ยวกับวิดีโอาร์ต ไปที่ http://www.vdb.org/
สนใจดูตัวอย่างวิดีโออาร์ตเกี่ยวกับ TAM's book ไปที่ http://voidpub.blog.com/International+Book/
อันนี้รัฐบาลสวิส ออกเงินจ้างให้ทำ เพื่อฉายก่อนฉายหนังในโรงหนังทั่วสวิส หนับหนุนศิลปะ ไม่เหมือนรัฐบาลไทย ไอเดียมันคือเล่นกับสถานะของ Swiss passport ซึ่งมีค่ามากในยุโรป โดยเฉพาะช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่หนีตายจากฮิตเลอร์ เพราะสวิสพาสปอร์ด มันสามารถผ่านได้ทั่ว

Saturday, January 27, 2007

No No Logo = Mor Mor Logo



ถึงผมรังเกียจสินค้าแบรนด์เนมเพราะไม่มีตังค์ไปสุรุ่ยสุร่ายกับความแพงไร้สาระพวกนั้น แต่ผมก็ไม่เชื่อแนวคิดของเจ๊ Naomi Klein ในหนังสือเรื่อง No Logo ที่กลายเป็นคัมภีร์ของขบวนการต่อต้านโลกาภิวัตน์และระบอบทุนนิยมใหม่ และผมเชื่อว่า ลงท้ายแล้ว สัญญลักษณ์ที่ออกแบบมาชาญฉลาด ก็อาจช่วยเหลือให้เราสื่อสารความเป็นตัวตนของเราออกไปได้ ซึ่งน่าจะช่วยให้เราก้าวไปสจุดหมายในการทำดีได้ง่ายขึ้น

ว่าแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ไอ้ Mor Mor มันยังไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตนเลย ผมเลยบังคับขู่เข็นให้พวกลูกสิดที่ยอมตกเป็นเหยื่อ คือ ฌาณ อ้อ และ นุ่น ระดมพายุสมองออกแบบโลโก้ของกลุ่มวัวควายนี้ เพื่อใช้ในสื่อต่างๆ และจะได้ใช้สำหรับเป็นสะพานสานต่อเจตนาขำๆของเราในอนาคต

รายแรกที่ส่งมาคือนุ่น ซึ่งสารภาพว่า ออกแบบอะไรพิสดารได้จนเข้าตา trendsetter จากปารีสมาแล้ว แต่ง่อยมากเวลาออกแบบอะไรที่ต้องเรียบง่ายหรือไม่ซับซ้อนมาก อย่างโลโก้ (จริงหรือไม่ ดูกันเองนะครับ)
คนที่สองที่ส่งมาคือ ฌาณ ผลที่ได้เป็น
วัวแรด สมคนออกแบบมั่กมัก
ส่วนไอ้อ้อ ยังเงียบฉี่อยู่ เด๋วฉี่ใส่หัวเล้ยยยยยยยยย (บอกหย่งงี้ อ้อมันกลัวมาก รีบส่งมาทันที อย่างที่เห็นข้างล่างไงครับ)

Tuesday, January 23, 2007

CRACK the magic clay can do

งานแรกที่ Mor Mor Creative Forum ทำตัวเป็นเจ๊จัดการ คือ นิทรรศการ CRACK the magic clay can do ซึ่งรวบรวมเอาคนหน้าใหม่ทางทัศนศิลป์ ให้มาทำงานด้วยดิน นิทรรศการนี้จะจัดที่บ้านสีลม อย่างที่กระทู้ข้างล่างบอกไว้แล้ว อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ภาษาไทยคลิกที่นี่ี้ ส่วนภาษาอังกฤษคลิกตรงนี้ครับ

ขอขอบคุณ art4d blog ที่กรุณาประชาสัมพันธ์ให้อย่างตั้งใจยิ่ง สมเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ

Thursday, January 11, 2007

From Morepun to Mor Mor


หลังจากธุรกิจ Morepun ล้มไม่เป็นท่าเพราะความโหลยโท่ยทางการตลาด ก็เกิดความคิดระหว่างพิมกับผมว่าน่าจะเอาเงินส่วนที่ยังทยอยเข้ามาบ้าง มาใช้ทำอะไรที่สร้างสรรค์ นั่นเป็นจุดเริ่มของความคิดที่จะตั้งกลุ่มสำหรับผลัก กระทุ้ง หรือยุส่ง ให้คนรุ่นเด็กกว่าเรา เข้ามาทำงานสร้างสรรค์ แบบไม่ตั้งใจหากำไรทางการเงิน แต่หวังกำไรทางความคิดบรรเจิด ครั้งนั้น เราตั้งชื่อกลุ่มคนช่างฝันลมๆแล้งๆ นี้ว่า Studio Mormor ซึ่งมี "พันธกิจ" ประมาณว่า สนับสนุนให้ คนรุ่นใหม่ ทำงานกันแบบหน้ามืดตามัว เป็นวัวเป็นควาย ร้องมอมอ (มุขควายมากขอรับ) หลักๆก็คือจะสนับสนุน แบบง่อยๆ ให้เกิดนิทรรศการทางทัศนศิลป์/ออกแบบ ประเภท "เอามันเข้าว่า" สนับสนุนทั้งๆที่รู้ว่า เงินที่เรามีอยู่นั้น ไม่มากนัก แต่ก็อยากให้มีคนอยากตามเรา เวลาผ่านไปหลายปี รอลูกศิษย์จบไปแล้วหลายรุ่น ก็ยังไม่เห็นมีใครมันกับเราซะที

และแล้วก็มีเหยื่อเดินเข้ามาหา อาจานหนึ่ง ปรัชญา the mad potter นั่นเอง คืนวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้ คือฤกษ์โลกาวินาศ ที่กลุ่มวัวควายในนามใหม่ว่า Mor Mor Forum จะเปิดตัวในฐานะ organizer ของนิทรรศการศิลปะแบบขำๆชื่อ CRACK ซึ่งจับเอา ดิน มาเป็น theme หลักให้นักสร้าง 12 คน ละเลงความคิดกันว่า ดินอาจเป็นอะไรได้มากกว่าที่เราเค้ยคุ้นชิน โดยมีศิลปิน/ดีไซเนอร์รุ่นใหญ่ที่มีงานอยู่ในมิวเซียมระดับโลกแล้ว อย่างพี่เป้ อุดม อุดมศรีอนันต์ แห่ง Planet 2000 มาร่วมแจมด้วย มีอาจานหนึ่งเป็น organizer หลัก ซึ่งเราหวังว่าจะช่วยผลักงานขำๆอย่างที่แกสนใจออกมาในรูปนิทรรศการอีก (เห็นวันก่อนบอกว่า ถ้างาน CRACK เอาตัวรอด ก็จะลามปามทำงานนิทรรศการกลุ่ม painting with fire ต่อไปอีก เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)
ส่วนไอ้งาน CRACK ที่เป็นงานแรกที่มี Mor Mor Forum เป็นป๋าดัน จะจัดขึ้นที่
บ้านสีลม ซึ่งอยู่เยื้องๆ เซ็นทรัลสีลม เป็นตึกโคโลเนียลสองชั้นบรรยากาศแบบอาณานิคมฝรั่งมั่กมัก สงสัยจะมากไปหน่อยเลยไม่ค่อยมีคนไทยเดินเข้าไป ในตึกเหล่านี้ ตึกที่ขวางอยู่ตรงกลาง ชั้นสอง ยังว่างอยู่ และ space สวยกิ๊บเก๋อลังการเหมาะสำหรับจัดนิทรรศการที่เล่นกับ space สุดๆ ก็ยังไม่รู้จะหมู่หรือจ่า